เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
1.
ซีรีบรัล พัลซี (Cerebral Palsy) หรือกลุ่มสมองพิการ เป็นสภาวะความผิดปกติของ ท่าทางและการเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดจากพยาธิสภาพในสมอง ในช่วงที่สมองกำลังเจริญเติบโตภายใน 8 ปีแรก แต่ถ้าเด็กมีความพิการทางสมองหลังช่วงอายุนี้ จะไม่เรียกว่า Cerebral Palsyเด็กจะมีความผิดปกติของทางการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อปาก แก้ม ลิ้น ใบหน้า แขน ขามีการพัฒนาของปฏิกริยาตอบสนองต่างๆ ของร่างกายผิดปกติไม่เป็นตามวัย และมีปฏิกริยา ตอบสนอนต่อการกระตุ้น เอ็นหรือกล้ามเนื้อผิดปกติ ทำให้มีกล้ามเนื้อหดสั้น และดึงให้ข้ออยู่ ในลักษณะงอหรือผิดรูป แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม คือ
1.1 กลุ่มเกร็ง (Spastic) เด็กมีกล้ามเนื้อเกร็ง
เคลื่อนไหวได้ช้า ขาอาจมีอาการมากกว่าแขน หรือมีความผิดปกติครึ่งซีก หรือผิดปกติทั้งตัว ทำให้ควบคุม กล้ามเนื้อ คอ ลำตัว และแขน ขาไม่ได้
1.2 กลุ่มเคลื่อนไหวผิดปกติ (Dystonia) เด็กไม่สามารถควบคุมให้อยู่นิ่งๆ
ได้ จะมีการแสดงสีหน้า คอบิด แขนงอ หรือเหยียดเปะปะ ทั้งพูดลำบาก กลืนลำบาก อาจมีการกระตุกอย่างรวดเร็ว คล้ายอาการขว้างลูกบอล
เด็กสมองพิการ (Cerebral Palsy) มักมีปัญหาทางสายตา หรือการได้ยินร่วมด้วย และ
อาจมีปัญหาในการสื่อความหมาย เด็กจำนวนหนึ่งอาจมีระดับสติปัญญาตํ่า
2. กลุ่มที่มีความผิดปกติที่ไขสันหลัง
กลุ่มแรก ได้แก่ กลุ่มที่มีความผิดปกติระหว่าง การพัฒนาร่างกายในครรภ์
กระดูกสันหลังที่ห่อหุ้มไขสันหลังไม่เชื่อมติดกัน ทำให้มีการดึงรั้งของประสาท
ไขสันหลัง บางครั้งมีนํ้าในสมองเพิ่มด้วย เด็กจะมีอาการขาอ่อนแรง ไม่มีความ
รู้สึก และควบคุมการขับถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้
กลุ่มที่ 2 เกิดภายหลังจากอุบัติเหตุต่อกระดูกสันหลัง
และไขสันหลัง ได้แก่
อุบัติเหตุทางรถยนต์ ถูกยิง ถูกแทง ตกจากที่สูง หรือการติดเชื้อในไขสันหลัง
หรือการติดเชื้อในไขสันหลัง ความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับที่ได้รับบาดเจ็บ ถ้า
เกิดในระดับที่สูงมาก
ก็จะมีอาการอัมพาตของแขน และลำตัวร่วมด้วย การที่
กล้ามเนื้อลำตัวอ่อนแรง ก็จะทำให้กระดูกสันหลังคด
และกล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาต
มักมีอาการเกร็ง กระตุก เด็กทั้ง 2
กลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ และ
การสูญเสียหน้าที่การทำงานของไต ทำให้ไตวายได้
3. กลุ่มแขนขาขาด อาจเป็นแต่กำเนิด หรือจากอุบัติเหตุ หรือเป็นมะเร็งของกระดูก
ทำให้สูญเสียแขนขาภายหลัง
4. โรคโปลิโอ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโปลิโอที่ไขสันหลังทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
เป็นอัมพาต โดยประสาทรับความรู้สึกยังเป็นปกติ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดขึ้นกระจัด
กระจายไม่เป็นเฉพาะแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง อาจมีกล้ามเนื้อลำตัวเป็นอัมพาตด้วย กล้ามเนื้อที่
อ่อนแรงจะถูกกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าดึงให้ข้อผิดรูป ทำให้มีกระดูกสันหลังคด ขาโก่ง เท้าบิด
แขนขายาวไม่เท่ากัน เป็นต้น
5. ความพิการอื่นๆ ได้แก่
โรคทางพันธุกรรม ข้ออักเสบ ข้อติดยึด กระดูกสันหลังฝ่อ
กล้ามเนื้อพิการ โรคกระดูกเปราะบาง
เป็นต้น
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
ความบกพร่องทางการพูด หมายถึง
ความผิดปกติที่เกิดจากการพูดในด้านของความชัดเจนในการเปล่งเสียงและการใช้เสียงไม่สามารถ
ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้
|
||||
ความบกพร่องทางภาษา หมายถึง
ความบกพร่องในการรับรู้หรือการแปลความหมายของการพูด
|
||||
พัฒนาการทางภาษา คือ
การที่เด็กสามารถพูดได้ต้องการเกิดจากการเรียนรู้ ความเข้าใจภาษาที่ผู้อื่นพูด
การเรียนรู้คำศัพท์ การสร้าง ประโยค การออกเสียง
|
||||
พัฒนาการทางการพูด คือ
ขบวนการพัฒนาเสียงพูดจากเสียงที่ไม่มีความหมายไม่ชัดเจนเป็นเสียงที่ชัดเจน
และแบ่งเป็นคำที่มีความหมายเป็นขั้น
|
||||
1. ขั้นส่งเสียงร้อง
|
||||
2. ขั้นส่งเสียงอ้อแอ้
|
||||
3. ขั้นเลียนเสียงตนเอง
|
||||
4. ขั้นเลียนเสียงผู้อื่น
|
||||
5. ขั้นคำพูด
|
||||
สาเหตุของพัฒนาการทางภาษาและการพูดผิดปกติ
|
||||
1. ประสาทหูพิการทั้งสองข้าง
|
||||
2. สติปัญญาต่ำ
|
||||
3. สภาวะอารมณ์และจิตใจผิดปกติ
|
||||
4. สมองผิดปกติ
|
||||
5. ขาดการกระตุ้นทางภาษาและการพูดที่เหมาะสม
|
||||
ประเภทความผิดปกติทางการพูด
|
||||
1. การพูดช้า
|
||||
2. การพูดไม่ชัด
|
||||
3. ปากแหว่งเพดานโหว่
|
||||
4. พูดติดอ่าง
|
||||
5. เสียงผิดปกติ
|
||||
6. อะฟาเซีย
|
||||
สาเหตุของความผิดปกติทางภาษา
|
||||
1. ระบบประสาทส่วนกลาง
ความผิดปกติทางภาษา สติปัญญาต่ำ การบาดเจ็บทางสมอง
|
||||
2. สาเหตุภายนอก
ความบกพร่องทางการได้ยิน ทางการมองเห็น ทางร่างกาย
|
||||
3. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อมและอารมณ์
การถูกทอดทิ้ง ถูกทำร้าย ปัญหาจากการพัฒนาการทางพฤติกรรมและอารมณ์
|
||||
ประเภทความผิดปกติทางภาษา
|
||||
1. ไม่มีภาษาพูด
|
||||
2. ความแตกต่างในคุณภาพของภาษา
|
||||
3. การเริ่มภาษาช้า
|
||||
4. การหยุดชะงักของภาษา
|
||||
การแก้ไขเบื้องต้นสำหรับเด็กที่มีความผิดปกติทางการพูด
|
||||
1. การยอมรับ
|
||||
2. การวิเคราะห์ปัญหา
|
||||
3. การแก้ไขเสียงที่เป็นปัญหา
|
||||
4. การฝึก
|
||||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น