สรุปการเรียน
1.
การดูแลรักษาเด็กที่เป็น กลุ่มอาการดาวน์ เนื่องจากเป็นโรคของพันธุกรรม จึงไม่มียารักษาได้นอกจากจะไม่ให้เด็กเกิดออกมา
แต่เมื่อเด็กเกิดออกมาแล้ว
การดูแลเด็กเหล่านี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ และสังคมรอบข้างร่วมกัน
เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด
และไม่ก่อปัญหากับสังคมต่อไป
o ในเด็กแรกเกิด จะต้องตรวจภาพอัลตราซาวน์หัวใจ (Echocardiogram) ถ้าพบมีหัวใจพิการ ก็อาจต้องผ่าตัดรักษา
รวมทั้งตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในอื่นๆ เช่น ถ้าพบหลอดอาหารตัน ก็ต้องผ่าตัดรักษา
o การตรวจหาการทำงานของต่อมไทรอยด์ในเด็กแรกเกิด และตรวจต่อ เนื่องต่อไปทุกปี
เพื่อประเมินว่ามีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องให้ยารักษา เพื่อไม่ให้ระดับสติปัญญาแย่ลงไปกว่าเดิม
o การตรวจดูเม็ดเลือดเป็นประจำโดยเฉพาะในช่วงวัยทารกและวัยเด็ก เพราะมี ความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
o ดูแลเรื่องอาหาร ให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนและเหมาะสม
เนื่องจากผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนได้ง่าย จึงต้องระวังการบริโภคแป้ง น้ำตาลและไขมันมากเกินไป และต้องให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
o การส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่วัยทารก เมื่อถึงวัยต้องเข้าเรียน
ต้องประเมินระดับสติปัญญาของเด็กว่าจะสามารถเรียนร่วมชั้นกับเด็กทั่วไปได้หรือ
ไม่ โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถเรียนผ่านในชั้นประถมได้ เมื่อถึงระดับมัธยม ถ้าเด็กเรียนไม่ไหว
ก็ต้องให้ออกจากโรงเรียนปกติ ไม่ควรฝืนบังคับให้เด็กเรียนต่อไป
และมองหาอาชีพที่เหมาะสมให้ บางคนก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เช่น
ดาราตลกชื่อดังของเมืองไทยก็เป็นโรคนี้ หรือในต่างประเทศเช่นกัน ก็มีนัก
แสดงหลายคนที่มีชื่อเสียงที่เป็นโรคนี้
o เมื่อเด็กผู้หญิงถึงวัยเจริญพันธุ์
อาจจำเป็นต้องป้องกันการตั้งครรภ์โดยให้ยาคุมกำเนิด เพราะถ้าตั้งครรภ์ขึ้นมา โอกาสที่ลูกของผู้ป่วยจะเป็นกลุ่มอาการนี้มีถึง 50%
โดยไม่ขึ้นกับอายุตอนที่ตั้งครรภ์ สำหรับในผู้ชาย
แม้ส่วนใหญ่จะเป็นหมัน แต่ก็อาจมีลูกได้ ควรเน้นย้ำถึงวิธีป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัย
o สำหรับพ่อแม่ที่มีโครโมโซมปกติ
เมื่อพ่อแม่มีลูกเป็น กลุ่มอาการดาวน์ แล้ว 1
คน โอกาสที่ลูกคนต่อไปจะเป็นโรคนี้คือประมาณ 1% แม้ว่าแม่จะอายุน้อยก็ตาม แต่ถ้าแม่มีอายุมากแล้ว โอกาสก็จะมากกว่านี้
สำหรับพี่น้องของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ เมื่อแต่งงานมีลูก
ความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มขึ้น คือมีความเสี่ยงเหมือนคนปกติทั่ว ไปดังได้กล่าวแล้ว
o สำหรับพ่อแม่ที่เป็นพาหะ ในกรณีที่มีลูกเป็น กลุ่มอาการดาวน์ และได้ตรวจลูกพบว่ามีสารพันธุกรรมของโครโมโซมคู่ที่
21 เพิ่มขึ้นจากผลของการมี Robert sonian translocation เกิดขึ้น แสดงว่ามีพ่อ หรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นพาหะของ กลุ่มอาการดาวน์
อยู่ ดังนั้นทั้งพ่อและแม่จะต้องมาตรวจหาโครโมโซม
ในกรณีที่แม่เป็นพาหะแบบที่มี Robertsonian translocation ระหว่างโครโมโซมแท่งที่
21 กับแท่งอื่นๆ จะมีโอกาสที่มีลูกเป็น กลุ่มอาการดาวน์ คือ 10-15% แต่ถ้าเป็นพ่อที่เป็นพาหะ โอกาสที่จะมีลูกเป็น กลุ่มอาการดาวน์ คือ 2-3%
เหตุใดจึงมีเปอร์เซ็นต์แตกต่างกันระหว่างพ่อและแม่นั้น
ยังไม่มีผู้อธิบายได้
นอกจากนี้ พี่น้องที่ปกติของผู้ป่วยที่เป็น กลุ่มอาการดาวน์แบบนี้ จะต้องตรวจดูโครโมโซมทุกคนด้วย
เนื่องจากอาจมีใครคนใดคนหนึ่งที่รับโครโมโซมที่ผิดปกติมาจากพ่อ
หรือแม่ที่เป็นพาหะ แล้วกลายเป็นพาหะด้วยเช่นกัน ซึ่งจะได้ทราบความเสี่ยงที่ตนเองจะมีลูกเป็น
กลุ่มอาการดาวน์เช่นเดียวกับพ่อและแม่
แต่ในกรณีที่พ่อหรือแม่เป็นพาหะแบบที่มี Robertsonian translocation ระหว่างโครโมโซมแท่งที่
21 กับ 21 ด้วยกัน โอกาสที่จะมีลูกเป็น กลุ่มอาการดาวน์
คือ 100% คือมีลูกกี่คน ก็จะเป็นโรคนี้ทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น